รีวิว Civilization VI: Gathering Storm
บทความนี้เราจะมา รีวิว Civilization VI: Gathering Storm เป็นภาคเสริมใหม่ของเกม Civilization VI ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2019 ถือว่าเป็นตัวเสริมใหญ่ชุดที่ 2 ถัดจาก Civilization VI: Rise and Fall ที่ผู้เล่นจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกม ไม่ว่าจะป็นพายุ น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด ภาวะโลกร้อน โดยที่ผู้เล่นจะต้องหาทางรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น รู้จักปรับตัว และวางแผนแก้ไขอย่างชาญฉลาด ในขณะที่ภัยธรรมชาติบางชนิดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ผู้เล่นคนดียว ดังนั้นผู้เล่นแต่ละคนจะต้องร่วมกันหาทางออกในการแก้ปัญหา และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
รูปแบบการเล่นแบบใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม
แน่นอนว่าด้วยระบบภัยธรรมชาติเหล่านี้ จะทำให้การเล่นเกม Civilization VI มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น เพราะคุณไม่มีทางหนีจากภัยธรรมชาติเหล่านี้ เมื่อเริ่มตั้งเมืองจะต้องคิดมากกว่าเดิม ในเรื่องภูมิประเทศและสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในแต่ละภูมิประเทศจะเจออันตรายที่แตกต่างกันออกไป ภัยธรรมชาติสามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ของเมืองได้ในชั่วพริบตา อย่างพายุหิมะที่มีอันตรายอย่างมากต่อบริเวณใกล้เคียง การปะทุของมันอาจทำลายทุกสิ่ง แต่ในทางตรงกันข้ามเราอาจใช้ประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินใกล้เคียงได้
เพิ่มภัยธรรมชาติจากพายุหลากหลายชนิด

พายุเป็นอะไรที่ไม่มีใครคาดเดาได้ มันมีขนาดใหญ่และพลังทำลายล้างที่สูง ไม่ว่าจะเป็นพายุทะเลทราย หรือพายุเฮอริเคนสามารถทำให้เมืองคุณพินาศได้ง่าย ๆ แต่ยังคงให้ผลประโยชน์ต่อพื้นดินใบริเวณที่มันเคลื่อนผ่าน ส่วนพายุหิมะแถบจะไม่มีอะไรทีเ่ป็นประโยชน์นอกเสียจากการทำลายล้าง เช่นเดียวกันกับพายุทอรนาโด
น้ำขึ้น – น้ำลง และ น้ำท่วมเมือง!

การตั้งเมืองใกล้กับแม่น้ำเป็นอะไรที่มนุษย์ของเราทำมาแต่โบราณ เพราะสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้ แน่นอนว่าในโลกจริงเราต้องเจอกันน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ถ้าตั้งอยู่แถบชายทะเลจะต้องเจอกับน้ำขึ้นน้ำลง เราตั้งเมืองในสถานที่ดังกล่าวจะได้รับผลประโยชน์จากดินที่อุดมสมบูรณ์ น้ำท่วมสามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างของเมืองได้ ผู้เล่นสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ด้วยการสร้าง “เขื่อน” หรือการป้องกันชายฝั่งด้วยเทคโนโลยีทันสมัย “กำแพงกันคลื่น”
เผชิญหน้าการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ

ถ้ายังไม่โหดพอ ผู้เล่นจะต้องรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ ที่จะเป็นตัววัดว่าผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติบ่อยขนาดไหน ในขณะที่เกิดดำเนินอย่างต่อเนื่อง มันจะคำนวณการใช้งานพลังงานเชื้อเพลิง การปล่อยคารบอนไดออกไซด ทำให้อุณภูมิของโลกเริ่มสูงขึ้น ตามมาด้วยผลลัพธ์ที่น่าหวาดกลัว สิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มการเกิดของภัยธรรมชาติ จะเกิดน้ำท่วมบ่อยขึ้น พายุเริ่มรุนแรงและเกิดบ่อยกว่าเดิม
ระบบพลังงาน และจัดการทรัพยากร
หากภัยพิบัตทำลายอารยธรรมของพวกเรา การจะซ่อมแซมและสร้างอารยธรรมกลับขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากร ในเกมจะแบ่งทรัพยากรทางยุทธศาสตร์แยกย่อยออกไปเป็นกลุ่มพลังงานเชื้อเพลิง เพื่อนำไปใช้สร้างพลังงานให้กับเมือง ให้พลังในการขับเคลื่อนรถถัง เครื่องบิน เรือรบ

เมื่อใดก็ตามที่เมืองของเราค้นพบแหล่งทรัพยากรดิบสำหรับพลังงานอย่าง เหมืองถ่านหิน หรือแหล่งน้ำมันดิบ ถ้าเมืองเรามีโรงไฟฟ้าแสตนบายรออยู่ ทรัพยากรเหล่านี้จะถูกนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าหากโรงงานเราขาดไฟฟ้าใช้ การผลิตย่อมไม่เกิด ชาติของเราจะพัฒนาได้ช้าลง โดยเฉพาะเมื่อเกมเข้ายุคอุตสหกรรม โรงงานต่าง ๆ ต้องการพลังงานเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่โรงงานที่ไม่มีพลังงานจะให้ผลผลิตน้อยกว่าครึ่ง

ยูนิททหารของเราจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการบำรุงรักษา โดยเฉพาะพลังงานเชื้อเพลิงในการสร้าง หากไร้สิ่งเหล่านี้จะทำให้ยูนิทของเราอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด การบริหารทรัพยากรในเกมให้ดีจึงเป็นหนทางหนึ่งของชัยชนะในครั้งนี้ แต่ระวังไว้อย่างหนึ่งเมื่อเราเผาพลาญพลังงานเชื้อเพลิงมากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโลก และคนที่จะได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่เราเพียงฝ่ายเดียว
พลังงานสะอาด และเตาปฏิกรนิวเคลียร์

อย่างที่รู้กันดีการสร้างพลังงานสะอาดจะช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมในช่วงหลังเกมได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น “เขื่อนพลังงานน้ำ” หรือ “ฟาร์มกังหันลม” รวมถึงโรงพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็นับเป็นพลังงานสะอาดเช่นกัน พวกมันผลิตมลพิษที่น้อยมาก แต่มีโอกาสที่จะเกิดรั่วไหลตามอายุขัยของโรงไฟฟ้า หากมันรั่วออกมาพื้นที่โดยรอบจะปนเปื้อนรังสีเหมือนกับถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ผู้เล่นสามารถป้องกันหายนะดังกล่าวด้วยการบำรุงโรงงานอย่างสม่ำเสมอ ในที่นี่หมายถึงการใช้คำสั่งสร้างในหมวด Project
ก่อตั้งระบบ The World Congress

คน ๆ เดียวไม่อาจเปลี่ยนหรือแก้ไขอะไรที่ใหญ่ระดับโลกได้ ตัวเกมได้นำเสนอระบบสภาโลก The World Congress ผู้เล่นจะต้องร่วมมือกับอารยธรรมต่าง ๆ ร่วมโหวตในปัญหาระดับโลก ใช้มันในเป็นเครื่องมือในการชนะการทูต ในระบบนี้จะใช้แต้มที่เรียกว่า Diplomatic Favor สามารถได้จากการทำภารกิจ การสนับสนุนเมืองต่าง ๆ หรือแม้แต่จากพันธมิตรที่สำคัญคือนำมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนในการค้าระหว่างประเทศได้
ที่น่าสนใจคือแต้มนี้สามารถนำมาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเอง หรือขัดขาฝ่ายตรงข้ามระหว่างการโหวตในสภาโลกได้ หรือจะการใช้ในการต่อรองทางการทูตระหว่างประเทศ สภาโลกจะมีการออก “ภาวะฉุกเฉิน” เมื่อมีประเทศใดตกอยู่ในการณ์ลำบาก โดยต้องผ่านผ่านการโหวตจากสมาชิกสภาโลกเสียก่อน ดังนั้นชะตากรรมของโลกจะอยู่ในมือของทุกประเทศที่มีเสียงในสภาโลก
เทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21

ยุคอนาคตกำลังรอพวกเราอยู่ข้างหน้า ในแต่ละเกมที่เราเริ่มเล่นเทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกซุ่มใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในแต่ละครั้งที่ผู้เล่นต้องเผชิญ สิ่งที่แตกต่างออกไปจะเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้าง และลำดับจะไม่เหมือนเดิม ผู้เล่นจะต้องคิดให้ดีก่อนทำการอัพเกรดสิงใดไป เพราะเราไม่รู้เลยว่าถัดไปจะเป็นเทคโนโลยีชนิดไหน มันจะเป็นข้อได้เปรียบของเฉพาะประเทศ อย่างเช่นเราได้เทคโนโลยีสร้างบ้านในชายทะเล หรือแม้แต่พัฒนาระบบสมองกลช่วยตรวจจับการปล่อยคารบอนไดออกไซด
เพิ่มอารยธรรมใหม่

พบกับอารยธรรมใหม่ทั้ง 8 พร้อมกับผู้นำประเทศทั้ง 9 คน ได้แก่ Hungary, Maori, Canada, Inca, Mali และ Sweden แต่ละอารยธรรมมาพร้อมกับโบนัสที่แกต่างกันออกไป รวมถึงยูนิทต่าง ๆ ทำให้แนวทางการเล่นแต่ละตัวแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
เนื้อเรื่องใหม่ Black Death & War Machine

The Black Death เป็นเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 ในแถบยุโรป และเอเชียตะวันตก ฆ่าประชากรมากมากกว่าเหตุการณ์อื่นใดในประวัติศาสตร์โลก การระบาดใหญ่ครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน และทำลายเศรษฐกิจ การเมืองจนเกิดการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าใหม่ของโลกตะวันตก งานของคุณคือนำประเทศชาติของคุณผ่านภัยพิบัติไปให้ได้ ด้วยการรักษาประชากรของคุณให้มีชีวิตรอด สร้างฐานเศรษฐกิจให้เข้มแข็งพร้อมกับฟื้นฟูความศรัทธาท่ามกลางโลกแห่งความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง

War Machine จะพาผู้เล่นเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ในระหว่างกองทัพเยอรมันวางแผนบุกเบลเยี่ยม และฝรั่งเศษ หากพวกเขาทำสำเร็จจะเข้ายึดปารีสได้ในเวลาเพียง 1 เดือน และจบความขัดแย้งที่กินเวลานานนี้ลง ในการต่อต้านฝรั่งเศษจะใช้แผนยุทธการ 17 เป็นการโจมตีเต็มรูปแบบที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองและหยุดการรุกรานของชาวเยอรมัน เมื่อเกิดการประกาศสงครามขึ้น กองทัพทั้งสองจะมุ่งหน้าเข้าหากัน สงครามนี้เป็นเหตุการณ์ที่ต้องจาลึกลงในประวัติศาสตร์ ผู้เล่นจะได้เล่นเป็นหนึ่งในสองฝ่ายนี้เพื่อพิชิตเป้าหมายเดียวกัน เยอร์มันจะต้องเข้ายึดครองเมืองปารีส ส่วนฝรั่งเศษจะต้องป้องกันเมืองให้ได้จนกว่าเวลาจะสิ้นสุดลง
เพิ่มเนื้อหาอื่น ๆ
ในเกมจะเพิ่มสิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 แห่ง, สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ 7 แห่ง, ยูนิทใหม่ 18 ตัว, การอัพเกรดเมือง 15 อย่าง, อาคารใหม่ 9 แห่ง, รูปแบบเมืองใหม่ 2 ชนิด, เทคโนโลยี 9 อย่าง และเพิ่มกฎหมายอีก 10 อย่าง สิ่งมหัศจรรย์โลกประกอบไปด้วยดังนี้
- โรงอาบน้ำโบราณ (Great Bath)
- อาคารรัฐสภาฮังการี (Országház)
- มาชูปิกชู (Machu Picchu)
- สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge)
- คลองปานามา (Panama Canal)
- มหาวิทยาลัย (University of Sankore)
- โบสถ์มีนากษีมนเทียร (Meenakshi Temple)
ต้องซื้อตัวเสริม Civilization VI: Gathering Storm มาเล่นไหม?
ตัวเสริมนี้แม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างแพงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับคอนเทนต์ที่ได้ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก เพราะสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือระบบเกมแบบใหม่ ไม่เหมือนกับตัวเสริมอื่น ๆ ที่ผู้เล่นจะได้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในเกม อีกทั้งยังมาพร้อมกับสิ่งมหัศจรรย์ และอารยธรรมใหม่ ๆ อีกมากมาย ถ้าหากคุณเป็นแฟนพันแท้เกม Civilization VI นี่ถือเป็นตัวเสริมหลักที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
Civilization VI: Gathering Storm เป็นภาคเสริมใหม่ของเกม Civilization VI ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2019 ถือว่าเป็นตัวเสริมใหญ่ชุดที่ 2 ถัดจาก Civilization VI: Rise and Fall ที่ผู้เล่นจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกม ไม่ว่าจะป็นพายุ น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด ภาวะโลกร้อน โดยที่ผู้เล่นจะต้องหาทางรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น รู้จักปรับตัว และวางแผนแก้ไขอย่างชาญฉลาด ในขณะที่ภัยธรรมชาติบางชนิดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ผู้เล่นคนดียว ดังนั้นผู้เล่นแต่ละคนจะต้องร่วมกันหาทางออกในการแก้ปัญหา และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ยูนิททหารของเราจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการบำรุงรักษา โดยเฉพาะพลังงานเชื้อเพลิงในการสร้าง หากไร้สิ่งเหล่านี้จะทำให้ยูนิทของเราอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด การบริหารทรัพยากรในเกมให้ดีจึงเป็นหนทางหนึ่งของชัยชนะในครั้งนี้ แต่ระวังไว้อย่างหนึ่งเมื่อเราเผาพลาญพลังงานเชื้อเพลิงมากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโลก และคนที่จะได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่เราเพียงฝ่ายเดียว